ทุ่งกังหันลมเขาค้อ วันที่ 22/07/2016 13:18:35 PM ,ผู้เข้าชม : 103559
|
The Seasons วันที่ 09/03/2016 16:09:32 PM ,ผู้เข้าชม : 13803
|
ทุ่งดอกไม้กลางสายหมอกที่ภูหินร่องกล้า วันที่ 24/07/2015 11:32:02 AM ,ผู้เข้าชม : 8005

 |
ช่วงฤดูแห่งการเที่ยวชม ดอกไม้บานแห่งอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ามาถึงแล้ว วันนี้เราจะพาไปชมทุ่งดอกเปราะภูสีขาวบานสะพรั่ง ในบริเวณลานหินปุ่ม อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก เขตติดต่อกับอำเภอเขาค้อ ของเรานั่นเอง
ดอกเปราะภูสีขาวจำนวนมากที่ขึ้นอยู่เองตามธรรมชาติ จะบานเต็มที่ชูช่ออวดดอกสวยๆกันในฤดูฝน ประมาณเดือนกรกฎาคม จนถึงเดือนสิงหาคมนี้ หากนักท่องเที่ยวมีโอกาสได้เข้าไปเที่ยวยังภูทับเบิก สามารถขับรถต่อไปอีกสักนิด ระยะทางประมาณ 20 กม. ก็จะถึงลานหินปุ่ม ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สามารถจอดรถบริเวณลานจอด และเดินตามเส้นทางเข้าไปชมทุ่งดอกไม้ตามเส้นทางไปลานหินปุ่ม ต่อเนื่องกับผาชูธง กันได้เลย
เส้นทางนี้มีลักษณะทางเดินเป็นวงกลม สามารถเริ่มเดินวนไปทางซ้ายก่อนก็ได้ หรือเริ่มจากทางขวาก่อนก็ได้ เพราะสุดท้ายก็จะมาบรรจบกันที่เดิม ซึ่งหากได้ไปเดินในช่วงนี้ ขอบอกว่าบรรยากาศมันดีเลิศ สวรรค์มากๆ เพราะส่วนใหญ่เส้นทางจะถูกปกคลุมด้วยสายหมอก ไม่มีแดดร้อนๆ มากวนใจ และที่สำคัญมีดอกไม้น้อยใหญ่บานสะพรั่งอยู่ 2 ข้างทาง ไปตลอดเส้นทางเลยทีเดียว
|
 |
ความชุ่มชื้น อุดมสมบูรณ์ของผืนป่าภูหินร่องกล้า ถูกถ่ายทอดออกมาอยู่ทุกซอกทุกมุม ระหว่างทางเดิน 2 ข้างทาง บนพื้นลานหินยังอุดมไปด้วยมอส เฟิร์น และดอกไม้เล็กๆ มากมาย เพลิดเพลินกับต้นไม้น้อยใหญ่ 2 ข้างทาง พอเริ่มเข้าสู่ลานหินปุ่ม ซึ่งมีลักษณะโดดเด่นที่หินในบริเวณนี้ปูดโปนขึ้นมาจากพื้นราบ เป็นปุ่มป่ำเต็มไปหมด กินบริเวณกว้างหลายสิบไร่ ไปจนจรดหน้าผา ซึ่งอยู่ไกลออกไปจากจุดเริ่มต้นอีกกว่า 100 เมตร ลักษณะการเกิดหินปุ่มสันนิษฐานว่า เกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติ ทำให้หินเกิดเป็นรูปทรงประหลาดขึ้นมาในบริเวณนี้เกือบทั้งหมด
นอกจากความสวยงามทางธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในอดีต ช่วงที่มีการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ทางการจะใช้ลานหินปุ่มแห่งนี้เป็นที่สำหรับพักฟื้นคนไข้จากการสู้รบ เนื่องจากเป็นสถานที่ ที่สวยงาม อยู่ใกล้หน้าผา มีลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา
|
|
หากมาเที่ยวลานหินปุ่มในฤดูอื่น อาจเห็นแค่ความประหลาดของหินที่ปูดขึ้นมาเป็นก้อนๆ เป็นลานหินใหญ่ ท่ามกลางแดดเปรี้ยง ซึ่งค่อนข้างร้อน และดูแห้งแล้งไปซักหน่อย แต่หากมาเที่ยวชมในฤดูฝน จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทุกที่เป็นสีเขียว สดชื่นไปหมด
อากาศบริสุทธิ์สดชื่น และมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ไฮไลต์ในช่วงนี้ก็คือ จะได้เห็นพันธุ์ไม้ต่างๆ พร้อมใจกันออกดอกชูช่อแข่งกัน และยังได้เห็นต้นไม้เล็กๆ และพุ่มไม้ทรงต่างๆ เกิดขึ้นเรียงราย ไล่ระดับกันอย่างสวยงาม อย่างกับมีการจัดวางแลนด์สเคปไว้อย่างตั้งใจ แต่นี่เป็นผลงานของธรรมชาติสร้างสรรค์ล้วนๆ
ท่ามกลางปุ่มหินตะปุ่ม ตะป่ำ เราจะเห็นดอกเปราะภูสีขาว ชูช่อแซมกันอยู่ทุกหนทุกแห่งบนลานหินปุ่ม ตัดกับสีเขียวเข้มของลำต้นได้อย่างโดดเด่น เป็นดอกไม้นางเอกประจำฤดูฝนของภูหินร่องกล้า
ดอกเปราะภูขาว มีลักษณะดอกคล้ายกับดอกกล้วยไม้ สีขาวสด มีเกสรสีเหลือง เป็นพืชในตระกูลเดียวกับขิง ที่จะโผล่ต้นขึ้นมาออกดอกเฉพาะในฤดูฝน ลักษณะเดียวกันกับดอกกระเจียวนั่นเอง
|
 |
บริเวณก่อนถึงหน้าผายังมีดอกไม้ป่าอีกหลายชนิดที่ขึ้นแซมประดับกันอยู่ ทั้งกอพลับพลึงป่า ดอกหงส์ทอง ดอกเอนอ้า และอีกหลายชนิดที่อาศัยความชุ่มชื้นของสายฝนสายหมอกแอบออกดอกเล็กๆ เพิ่มสีสันให้กับอุทยานฯ จนละลานตา
บนเส้นทางจากลานหินปุ่ม จะมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังผาชูธง เป็นเส้นทางลัดเลาะแนวริมผาไปเรื่อยๆ บางจุดผ่านผาหินสูงใหญ่ที่แซมได้ด้วยมอส และดอกไม้เล็กๆ สีม่วง ขึ้นอยู่บนผาหิน ซึ่งหากสังเกตดีๆ ก็อาจจะได้พบกับดอกลิ้นมังกรส้ม มีแอบออกดอกสีส้มโดดเด่นอยู่ตามริมทาง เป็นดอกลิ้นมังกร ตระกูลเดียวกันกับลิ้นมังกรสีแดง ดอกไม้ที่หายากที่สุดพันธุ์หนึ่ง ที่เป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของน้ำตกหมันแดง ที่ออกดอกและบานสะพรั่งปีละครั้ง ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ ที่อยู่ในเขตภูหินร่องกล้านี้เช่นเดียวกัน
บริเวณผาชูธงห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 500 เมตร ในอดีต พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคยใช้หน้าผานี้เป็นที่ชูธงสัญลักษณ์ค้อน – เคียวเพื่อส่งข่าวสาร แต่ปัจจุบันมีการตั้งธงชาติไทยเอาไว้บนหน้าผาแทนเรียบร้อยแล้ว
|
 |
ที่นี่เป็นจุดชมวิวมุมสูงที่สามารถชมทะเลหมอกยามเช้า และพระอาทิตย์ตกยามเย็นได้ แต่ในช่วงฤดูฝนอย่างนี้ ก็อาจถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเกือบทั้งวัน
สำหรับท่านที่ชื่นชอบธรรมชาติ ช่วงนี้ยังมีเวลาให้ได้มาสัมผัสบรรยากาศ และความงดงามของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่อ.นครไทย จ.พิษณุโลก โดยเฉพาะในฤดูฝนอย่างนี้ ไม่ต้องกลัวฝน ไม่ต้องกลัวเฉอะแฉะ เพราะบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นลานหิน ไม่เป็นอุปสรรคในการเดินชมท่ามกลางสายหมอก หรือสายฝน
หากรักธรรมชาติจริง จะรู้ว่าช่วงนี้เป็นเวลาเดียว ที่จะได้รับของขวัญอันล้ำค่าชิ้นนี้ การเดินทางก็สะดวกสบายไม่ไกล สามารถขึ้นเขาได้ทางอ.นครไทย จ.พิษณุโลกได้ง่ายๆ เขาไม่สูงชัน หรือหากมาเที่ยวที่ภูทับเบก ก็สามารถ เดินทางต่อมายัง ภูหินร่องกล้า ระยะทางไม่ไกลประมาณ 20 กิโลเมตรเท่านั้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก เที่ยวพิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร โทร. 055 252 742-3
|
 |
 |
|
|
พายเรือท่องป่า ตามหาแมงกะพรุนน้ำจืด วันที่ 25/02/2015 14:58:24 PM ,ผู้เข้าชม : 7284

ได้เวลาตามหา "แมงกะพรุนน้ำจืด" กันแล้ว สัญญลักษณ์ประจำฤดูร้อนของเขาค้อ คือการที่แมงกะพรุนน้ำจืดตัวเล็กๆ กระดื๊บขึ้นมาแหวกว่าย ท้าทายนักท่องเที่ยวให้มาร่วมค้นหาความลึกลับแห่งผืนป่าหนองแม่นาในเทศกาลพายเรือเที่ยวป่า ตามหาแมงกะพรุนน้ำจืด ประจำฤดูร้อนปีนี้ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2559 ณ แก่งบางระจัน ต.หนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
กิจกรรม : พายเรือล่องลำน้ำเข็ก เริมต้นจากแก่งบางระจัน เพลิดเพลินกับกิจกรรมให้อาหารปลา ค้นหาตำนานหอยก้นตัด สัมผัสดงผีเสื้อ ตามหาแมงกะพรุนน้ำจืดแห่งเดียวในประเทศไทย
สอบถามข้อมูล : กลุ่มชุมชนคนรักษ์ป่าหนองแม่นา โทร. 081-046-2166
ททท. สำนักงานพิษณุโลก Tel. 0 5525 2742-3, 0 5525 9907
|
 |
กิจกรรมพายเรือชมแมงกะพรุนน้ำจืด เป็นกิจกรรมเฉพาะฤดูกาล ที่สามารถหาชมได้บนเขาค้อเพียง 3 เดือนในฤดูร้อนเท่านั้น คือเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำในลำน้ำเข็ก มีการไหลเวียนน้อย เปิดโอกาสให้แมงกะพรุนน้ำจืดตัวน้อยเท่าเหรียญสิบนับเป็นพันๆ ตัว ได้กระดื้บ แหวกว่าย อวดสายตาผู้มาเยือน นอกจากนี้ยังได้ชมเหล่าผีเสื้อนานาพันธุ์ และพันธุ์ไม้แปลกตาริม 2 ฝั่งลำน้ำ
ถือว่าเป็นกิจกรรมที่พิเศษสุดๆ ในช่วงฤดูร้อน ซึ่งไม่ได้ร้อนมากมายนักสำหรับที่สูงบนภูเขาอย่างเขาค้อ การพายเรือล่องลำน้ำเข็ก ช่วงบ้านหนองแม่นา น่าจะทำให้เกิดความประทับใจกับเขาค้อมากขึ้น เพราะนอกจากแมงกะพรุนน้ำจืด ที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลกแล้ว ยังเพลิดเพลินกับการล่องเรือชมความสมบูรณ์ของป่าธรรมชาติ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยใดๆ เพราะชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ชำนาญการในพื้นที่ เป็นผู้อาสาพายเรือ และเป็นไกด์แนะนำเรื่องราวต่างๆ ได้ตลอดเส้นทาง พร้อมกับเสื้อชูชีพ ป้องกันอุบัติเหตุด้วย
ตลอดเส้นทางพายเรืออันร่มรื่น เจ้าหน้าที่จะแนะนำพันธุ์ไม้แปลกๆ ข้างทางให้ท่านรับทราบ หลายพันธุ์ถือเป็นไม้พื้นเมือง และสมุนไพรประจำถิ่น ที่ขึ้นอยู่ริมลำน้ำเข็ก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป่าอันสมบูรณ์ของทุ่งแสลงหลวง เมื่อมาถึงแก่งสอง ซึ่งเป็นแก่งที่สามารถชมแมงกะพรุนน้ำจืด ยังมีผีเสื้อนานาพันธุ์ หลายร้อยตัว บินอวดโฉม อย่างคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยว หลายชนิดเป็นพันธุ์ที่จัดเป็นผีเสื้อหายาก แต่ก็สามารถหาชมได้ที่นี่
|
 |
สำหรับแมงกะพรุนน้ำจืด มีลักษณะคล้ายกับแมงกะพรุนน้ำเค็ม แต่จะมีเนื้อเยื่อขยายจากขอบเข้ามาข้างในตัวเป็นลักษณะคล้ายวงแหวนที่เรียก ว่า “Velum” มีขนาดเล็กกว่าแมงกะพรุนน้ำเค็ม และมีหนวดรอบขอบตัวประมาณ 50-500 เส้น ตัวใหญ่สุดมีขนาดเท่าเหรียญกษาปณ์ แมงกะพรุนน้ำจืดน่าจะเป็นสัตว์ประจำถิ่นของไทยมานานแล้ว โดยชาวบ้านบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเรียกสัตว์ชนิดนี้ว่า “แมงยุ้มวะ” ซึ่งเป็นภาษาถิ่น หมายถึงอาการหุบเข้าออกของขอบตัวเวลาที่มันเคลื่อนที่ โดยมีรายงานการพบครั้งแรก ในแม่น้ำโขง ที่บ้านคกไผ่ อ.เชียงคาน จ.เลย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 หลัง จากนั้นก็มีราย งานการพบแมงกะพรุนน้ำจืดจากอีกหลายแหล่ง เช่นในแม่น้ำโขงตั้งแต่จังหวัดเลยจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี ในลำน้ำเข็กทั้งในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์และพิษณุโลก ในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ และในอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เป็นต้น แต่ที่สามารถพบเห็นได้เป็นประจำในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ของทุกปี คงมีเพียงแค่ในแม่น้ำโขงตั้งแต่ จ.เลย จนถึง จ.อุบลราชธานี และในลำน้ำเข็กทั้งในเขต จ.เพชรบูรณ์ และพิษณุโลกเท่านั้น
|
 |
สาเหตุที่เราสามารถพบเห็นแมงกะพรุนน้ำจืดได้ในช่วงเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม ของทุกปี เนื่องจากวงจรชีวิตของสัตว์ชนิดนี้มี 2 ช่วง โดยสัตว์ชนิดนี้จะอาศัยอยู่ตามน้ำตื้นที่มีพื้นท้องน้ำที่เป็นของแข็งเช่น ตามแก่งหินของต้นน้ำลำธารที่น้ำค่อนข้างเย็น อุณหภูมิน้ำต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส ในช่วงเดือนมิถุนายน- กุมภาพันธ์นี้ แมงกะพรุนน้ำจืดจะอยู่ในช่วงพักตัวโดยมีรูปร่างเป็นแท่งมีแฉกซึ่งขนาดเล็กมาก เกาะอยู่บนพื้นหิน (Polyp) และจะขยายพันธุ์แบบไม่ใช้เพศ (Asexual) ด้วยการแตกหน่อ จนเมื่อน้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้น (ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม) จึงพัฒนาตัวเองให้ลอยไปตามน้ำ (Medusa) เพื่อผสมพันธุ์ทำให้เราสามารถพบเห็นแมงกะพรุนน้ำจืดได้ การขยายพันธุ์ในช่วงนี้จะผสมพันธุ์แบบใช้เพศ (Sexual) โดยเพศผู้จะปล่อยน้ำเชื้อมาผสมกับไข่ที่เพศเมียปล่อยออกมา หลังจากนั้น ตัวอ่อนก็จะจมลงเกาะตามพื้นเข้าสู่ช่วงพักตัวต่อไป
|
การท่องเที่ยวชมแมงกะพรุนน้ำจืดที่แก่งบางระจัน เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม เหมือนกับวงจรชีวิตของแมงกะพรุนน้ำจืด โดยกลุ่มชุมชนคนรักษ์ป่า ในเขต ต.หนองแม่นา ซึ่งก็คือชาวบ้านที่พยายามรักษาแก่งน้ำแห่งนี้ ให้ปราศจากการบุกรุก จากกลุ่มนายทุนใดๆ โดยได้รับการสนับสนุน จากทางอำเภอเขาค้อ และจังหวัดเพชรบูรณ์
แนวความคิดในการเปิดให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมนำนักท่องเที่ยวเข้าชมแมงกะพรุนน้ำ จืด เป็นแนวความคิดในเชิงอนุรักษ์และสร้างสรรค์ เพื่อให้ชาวบ้านซึ่งรู้ข้อมูลในท้องถิ่นดีที่สุด ทำหน้าที่เป็นผู้ให้ความรู้ ตอบคำถาม และพาเที่ยว มีทั้งโปรแกรมในการเดินทางค้างแรมในป่า และการพายเรือเพื่อชมแมงกะพรุนเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเรียนรู้ธรรมชาติร่วมไปกับการ ทำความเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งนอกจากการล่องเรือชมแมงกะพรุนแล้ว ยังสามารถชมพืชพันธุ์ และสัตว์นานาชนิด ที่เป็นพืชและสัตว์ประจำท้องถิ่น เช่นหอยก้นตัด ปลาประจำท้องถิ่น ผีเสื้อที่หายากหลายชนิด เช่นผีเสื้อหางติ่งปารีส ผีเสื้อเหลืองหนามใหญ่ โคนปีกดำ และผีเสื้อหางแหลมเป็นต้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มชุมชนคนรักษ์ป่าหนองแม่นา โทร. 081-046-2166
|
 |
 |
|
Khaokho Wonder Of Love วันที่ 09/02/2015 15:08:49 PM ,ผู้เข้าชม : 6906
 |
14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก ปีนี้เพื่อนๆ ไปเที่ยวไหนกัน !
ททท.สำนักงานพิษณุโลก ร่วมกับชมรมธุรกิจท่องเที่ยวเขาค้อ มีโปรแกรมพิเศษมามอบให้ในวันวาเลนไทน์นี้ โดยขอเชิญชวนมาฟังเพลงรักหวานๆ ท่ามกลาง "ภูดอกไม้สายหมอก" จากสุดยอดศิลปินเพลงรัก ที่ใครๆ ก็ต้องอยากฟัง "ตุ๊ก วิยะดา โกมารกุล ณ นคร" "แอม เสาวลักษณ์ ลีลาบุตร" และ "อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี"
งานนี้มีชื่อว่า "Khao Kho The Wonder of Love" จัดขึ้นที่ The Front By BN Farm สถานที่ตั้งของภูดอกไม้สายหมอก Flora In The Mist หน้าไร่บีเอ็น นั่นเอง ชมคอนเสิร์ตฟรีๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรัก และสายลมหนาว ที่คู่รักคู่ไหนก็ต้องไป งานเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น.
โปรดเตรียมสิ่งของจำเป็นเหล่านี้ให้พร้อม: เสื่อ ผ้าปูนั่ง กล้องถ่ายรูป ไม้เซลฟี่ เสื้อกันหนาวพร้อมพร๊อพสุดเก๋ และ power bank เพราะงานนี้ได้ถ่ายภาพกันสนุกแน่ !!!
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท.พิษณุโลก โทร.055 252 742-3
|
|
|
|
|
ภูดอกไม้ สายหมอก วันที่ 05/02/2015 15:28:26 PM ,ผู้เข้าชม : 16592

 |
The Front เป็นสถานที่ใช้จัดแสดงงาน Flora In The Mist ซึ่งเป็นสวนไม้ดอกเมืองหนาว มีไม้ดอกไ้ประดับ สีสันตระการตา คู่กับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยสายหมอกในยามเช้า เกิดเป็นภาพที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่หาชมที่อื่นได้ยาก สมกับชื่อ "ภูดอกไม้ สายหมอก" ตามที่ได้รับการโปรโมท จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้เป็น 1 ใน 12 เมืองต้องห้าม...พลาด ที่ต้องมาเยือนให้ได้
หากได้มาเที่ยวที่เขาค้อในช่วงนี้ ตอนเช้าๆ อย่าพลาดมาชมกันให้ได้ เพราะจะได้บรรยากาศดอกไม้ในสายหมอกที่สวยงาม และโรแมนติกที่สุด ซึ่งนอกจากแปลงดอกไม้มากมาย หลายมุม ที่สร้างสรรค์ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีทุ่งดอกดาวกระจาย(คอสมอส)สีบานเย็น สีขาว สีม่วง ปลูกไว้บนพื้นที่หลายสิบไร่ สลับกับดอกดาวกระจายสีเหลืองอีกหลายไร่ กลายเป็นทุ่งดอกดาวกระจายที่กว้างใหญ่สวยงาม
นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะ รูปปั้น และของแต่งสวนอีกหลายอย่าง วางแสดงไว้ในทุ่งหญ้ากว้าง ที่มีพื้นที่กว้างขวางหลายสิบไร่ ให้สามารถเดินเล่นกันได้อย่างเพลินใจ
สถานที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับทางเข้าไร่บีเอ็น บนลานอเนกประสงค์ของไร่บีเอ็นที่ใช้ชื่อว่า THE FRONT BY NB FARM ในบริเวณพื้นทีนี้ยังมีร้านกาแฟ วิวสวยๆ ในชื่อเดียวกัน The Front By BN Farm ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว และมีห้องน้ำไว้ให้บริการด้วย
|


|
หมายเหตุ : ดอกไม้ที่จัดไว้ในสวน มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามสภาพอากาศ และความคงทนของดอกไม้ ทำให้บางช่วงที่นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม อาจมีดอกไม้ไม่มากนัก แต่ในช่วงเทศกาลสำคัญ มักจะมีดอกไม้สวยงามบานสะพรั่งไว้ให้ชมกันเพียบแน่นอน
|
 |
 |
 |
|
|
|
ภูลมโล ทุ่งดอกพญาเสือโคร่ง ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย วันที่ 05/02/2015 13:40:19 PM ,ผู้เข้าชม : 10540
|
Pino Latte วันที่ 03/02/2015 15:37:26 PM ,ผู้เข้าชม : 27435
PINO LATTE ร้านกาแฟ และรีสอร์ท วิวอลังการบนยอดเขาสูงใกล้วัดผาซ่อนแก้ว สามารถชมวิวกว้างไกลสุดสายตา มาเขาค้อต้องมาเช็คอิน ห้ามพลาด !!! |
 |
ระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ที่ร้านแกแฟ พิโน ลาเต้ เปิดขึ้นมา ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ที่ห้ามพลาดไปแล้ว
ด้วยทำเลที่ตั้งบนยอดเขาสูง วิวสวย จึงกลายเป็นสถานที่โรแมนติก เป็นจุดหมายที่หลายคนมักจะพาคนที่เรารักไปดื่มด่ำกับบรรยากาศสวยๆ อากาศดีๆ วิวกว้างๆ มีกาแฟแก้วโปรดรสชาติอร่อยถูกใจ พร้อมขนมหวาน เบเกอรี่สดใหม่แสนอร่อย
ทำเลที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงติดกับเชิงเขาผาซ่อนแก้ว สังเกตง่ายๆ ว่าขับรถเลยวัดผาซ่อนแก้วไปทางเชิงเขาอีกประมาณ 1 กม. จะพบร้านกาแฟสไตล์โมเดิร์น สร้างในแบบไม่ซ้ำใคร เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอยู่ท่ามกลางภูเขาสูง วิวรอบๆ เป็นวิวของหุบเขาผาซ่อนแก้ว ที่มีภูเขาสลับซับซ้อนกว้างไกลไปจนสุดสายตา จนสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอความบริสุทธิ์ของอากาศบริเวณนี้
นั่งจิบกาแฟ ท่ามกลางอากาศหนาว และกระแสลมที่พัดเขามาอยู่ตลอดเวลา รับรองได้ว่าเป็นบรรยากาศการทานกาแฟที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้
ว่าแล้วก็อย่าพลาดกันเด็ดขาด มาเขาค้อเมื่อไหร่ ต้องแวะ !! PINO LATTE
|


|


|


|
 |
|
ไปเก็บสตรอเบอรี่ที่เขาค้อกันเถอะ วันที่ 03/02/2015 15:04:57 PM ,ผู้เข้าชม : 29565

ไปเก็บสตรอเบอรี่สดๆ จากไร่ที่เขาค้อกัน
สตรอเบอรี่สดจากไร่ เข้าไปเก็บมาชั่งกิโล เอาไปรับประทานกันได้ทันที หวาน หอม กรอบ อร่อย ยังอินเทรนด์กันอยู่ถึงเดือนกุมภาพันธ์ อากาศยังหนาวสตรอเบอรี่ออกผลกันมากมาย

|
ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน ถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ถือเป็นโอกาสทองสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการลิ้มรส หอมหวานสดใหม่ของสตรอเบอรี่หลากหลายสายพันธุ์กันสดๆ จากไร่สตรอเบอรี่บนเขาค้อที่มีจำนวนหลายสิบไร่ ยิ่งอากาศหนาวเท่าไหร่ ก็จะได้เห็นสตรอเบอรี่สีแดงสด สีชมพูอมขาว ลูกใหญ่เปล่งปลั่ง ห้อยระย้าอยู่ริมร่องคันดิน เชิญชวนให้เข้าไปเด็ดชิมกันได้ง่ายๆ
ความสุขของการชมไร่สตรอเบอรี่ ไม่ได้อยู่แค่เพียงการเข้าไปซื้อสตรอเบอรี่สดๆ กันเท่านั้น แต่มันอยู่ที่การเข้าไปเลือกสรรสตรอเบอรี่แต่ละผล แต่ละลูก ที่ต้องตาต้องใจเรา จนอาจเผลอลืมเก็บใส่มาเต็มตะกร้าใหญ่ ซึ่งเมื่อชั่งน้ำหนักกันที อาจได้เป็นกิโลๆ
สตรอเบอรี่ จากไร่ ที่เก็บกันสดๆ มักมีราคาขาย แตกต่างกันไปตามความต้องการของตลาดในแต่ละช่วง โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ในระหว่างกิโลกรัมละ 300-600 บาท (ก่อนเข้าไปเก็บก็ถามเจ้าของกันก่อนนะ) ราคานี้ถือว่าปกติ ไม่แพง เพราะเป็นราคาที่บวกรวมกับการเข้าไปเดินย่ำในแปลง ซึงอาจมีความเสียหายเกิดขึ้นบ้าง อาจมีการแอบเก็บทานในแปลงบ้าง หรืออาจมีการเก็บลูกที่ยังไม่แก่เต็มที่ใส่ลงตะกร้า แต่แอบคัดออกบ้าง (ซึ่งไม่ควรทำนะจ้ะ)
|


|
สำหรับไร่สตรอเบอรี่บนเขาค้อ หากันได้ง่ายมาก เพราะส่วนใหญ่ตั้งอยู่ริมเส้นทางสำหรับการท่องเที่ยวอยู่แล้ว โดยเฉพาะถนนสายเขาค้อ-แคมป์สน (2196) มีไร่สตรอเบอรี่ตั้งอยู่ริมเส้นทางมากมายหลายสิบไร่ เห็นไร่ไหนสวยๆ หรือมีลูกย้อยล่อตาล่อใจ ก็แวะเข้าไปเก็บกันได้เลย ไม่เสียเวลามากนัก
ส่วนไร่ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่เยอะหน่อย ก็อาจต้องเดินทางลึกเข้าไปจากเส้นทางหลักกันหน่อย ที่ "เว็บเขาค้อ.คอม" แนะนำ มีอยู่ 3 ไร่ ซึ่งอยู่ในบริเวณหมู่บ้านชาวเขาทั้งหมด ที่แนะนำเพราะว่าแต่ละแห่งมีพื้นที่ปลูกค่อนข้างมาก ผลสตรอเบอรี่หวานสด ปลอดสารพิษ และที่สำคัญวิวสวยสุดๆ คือไร่ธัญเบอรี่ , ไร่กองเซ้ง , และไร่ จีบี
ไร่ธัญเบอรี่ อยู่ในหมู่บ้านเล่าลือ ทางเข้าอยู่เยื้องๆ กับ อบต. เขาค้อ สามารถขับรถเข้าไปตามทางในหมู่บ้านประมาณแค่ 2 กม. ก็เจอแล้ว มีพื้นที่กว้างขวาง ปลูกสตรอเบอรี่เป็นแนวขวางไล่ลาดลงไปตามเนินเขา ได้ออกกำลังกายระหว่างตามหาผลสตรอเบอรี่กันด้วย
ไร่กองเซ้ง เป็นไร่สตรอเบอรี่เจ้าแรกของเขาค้อ อยู่ในหมู่บ้านเพชรดำ มีป้ายทางเข้าหมู่บ้านอยู่บริเวณต.ทุ่งสมอ จากถนนหลักขับรถเข้าไปประมาณ 10 กม. เป็นไร่ใหญ่ในทุ่งโล่งบนยอดเนินเขา ที่มองเห็นวิวกว้างไกลไปถึงผาซ่อนแก้ว สตรอเบอรี่อร่อย สด หวานกรอบมากๆ
ไร่จีบี เป็นไร่ใหม่ อยู่ในหมู่บ้านเพชรดำทางเดียวกันกับไร่กองเซ้ง ตั้งอยู่บริวณทางเข้าไร่กองเซ้ง เรียกว่ามาดักลูกค้ากันเลย ที่นี่ไร่ไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่มีวิวสวยเด่นมากๆ เพราะตั้งอยู่บนยอดเนิน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เล่นอีกเพียบ เช่นการโล้ชิงช้าม้ง การขับรถฟอร์มูล่าม้ง เรียกว่า สนุกด้วย อิ่มอร่อยไปด้วยพร้อมกันเลยทีเดียว
|
 |
 |
 |
|
The Piney Bistro Cafe วันที่ 30/08/2017 15:31:47 PM ,ผู้เข้าชม : 3810

 |
|
The Piney Bistro Cafe สุดยอดร้านกาแฟ และร้านอาหารอีกแห่งหนึ่งของเขาค้อ ด้วยทำเลที่อยู่บนส่วนสูงสุดของเนินเขา สูงกว่าระดับน้ำทะเลเกือบ 900 เมตร หลังวัดผาซ่อนแก้ว ทำให้สามารถมองเห็นวิวทะเลภูเขาได้กว้างไกลสุดสายตา และจะสวยมากที่สุดในหน้าฝน กับทะเลหมอกสีขาว สลับกับเนินเขาสีเขียว สวยงามจนยากจะบรรยาย
ภายในร้านตกแต่งเป็นสไตล์ไม้โมเดิร์น ประกอบด้วยไม้สนนอกสวยๆ แซมกับโครงสร้างเหล็กสไตล์ลอฟ และผนังกระจกใส ที่สามารถมองเห็นวิวสวยภายนอกได้จากทุกมุมภายในร้าน
ด้านนอกเป็นชานระเบียงไม้ขนาดใหญ่ ที่วางโต๊ะอาหาร โต๊ะกาแฟ ให้ตามมุมต่างๆ ให้เลือกนั่งเอกเขนก ชมวิว จิบกาแฟ กันได้ตามชอบใจ โดยเฉพาะเก้าอี้ไม้โยก ที่ถูกวางไว้เป็นพร็อพเก๋ๆ แต่ใช้งานได้จริง และนั่งสบายที่สุด
The Piney Bistro มีกาแฟสด รสชาติดีเป็นจุดขายประจำร้าน นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มชิลๆ อร่อยๆ มากมาย โดยเฉพาะชาร้อนๆ ที่ทานคู่กับพายบลูเบอรี่ หรือกับบราวนี่รสเข้มข้นสักชิ้น
|


|
|
เมนูอาหารก็อร่อยมาก มีสเต็กนานาชนิด อาหารจานเดียว และซุปหอมๆ อร่อยๆ ให้เลือกชิมกัน
ที่ตั้ง : หลังพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ วัดผาซ่อนแก้ว
เวลาเปิด : 8.00-17.00 น.
ติดต่อสอบถาม : 092 740 7939
Facebook : https://www.facebook.com/thepineybistrocafeofficial/
|
|
 |
|
 |
|
 |
|
 |
|
 |
|
 |
|
วัดผาซ่อนแก้ว วันที่ 06/11/2015 11:46:23 AM ,ผู้เข้าชม : 14205

 |
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หรือชื่อเดิมว่า สถานปฏิบัติธรรม พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่บนยอดเนินเขาลูกหนึ่ง บนเชิงหน้าผาของภูเขาที่มีชื่อว่า "ผาซ่อนแก้ว" ที่มีภูมิทัศน์สวยงาม เงียบสงบ และโดดเด่นมากที่สุดบนถนนสาย 12 พิษณุโลก-หล่มสัก ความโดดเด่นสวยงามนี้ยังถูกเสริมเติมแต่งให้วิจิตรงดงามมากขึ้น ด้วยองค์พระเจดีย์สูงสง่า ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน
เจดีย์วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว มีชื่อเต็มว่า เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชธรรมนฤมิตร มีรูปทรงวิจิตรงดงามด้วยการออกแบบ และการเอาใจใส่รายละเอียดทุกกระเบียดนิ้ว รูปร่างขององค์เจดีย์ สร้างเลียนแบบดอกบัวที่ซ้อนกัน 7 ชั้น เพื่อถวายแด่องค์พระพุทธเจ้า สีสันที่สดใสของเจดีย์ เกิดจากการนำกระเบื้องสี ถ้วยชามเบญจรงค์ มุก ลูกปัด แก้ว แหวน เงินทอง เพชร พลอย สิ่งมีค่าต่างๆ ตลอดจนเซรามิคหลากสีสัน มาประดับประดาตกแต่ง เป็นลวดลายที่สวยงาม
หากได้เดินเข้าไปชม ใกล้ๆ ก็จะพบสีสัน และลวดลาย ที่มีรายละเอียดน่าอัศจรรย์ใจ จากวัสดุที่นำมาประกอบกัน จนเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ เราสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย จากลวดลายในที่ประกอบกัน อาจเป็นหลักธรรม คำสอน อนิจจัง ความเป็นไปของโลก หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แอบแฝงอยู่ในงานศิลปกรรม ประติมากรรม ที่อยู่เบื้องหน้า สุดแท้แต่ว่าจะตีความกันอย่างไร เอกสิทธิ์มุมมองของแต่ละบุคคลเป็นอย่างไร
|
บริเวณรอบวัด เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปต่างๆ มากมายหลายปาง หลายรูปแบบ ซึ่งล้วนแล้วแต่อ่อนช้อยงดงามเป็นที่น่าเคารพสักการะอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีมหาวิหาร เป็นพระอุโบสถ เป็นรูปพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ขนาดสูงใหญ่ ประดิษฐานอยู่ท่ามกลางยอดเขาแห่งนี้ มีบ้านพักของผู้เข้ามาปฏิบัติธรรมก่อสร้างเรียงรายไล่ระดับกันลงไปตามแนว เนินเขา ร่มรื่นไปด้วยไม้เมืองหนาว และต้นไม้สำคัญในพุทธศาสนามากมาย
ทางด้านหลังเขาเงียบสงบ สวยงาม เป็นที่ตั้งของ ศาลาปฏิบัติธรรมรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสโปร่ง มีชานระเบียงยื่นลงไปทางหุบเขาเบื้องล่าง ท่ามกลางทุ่งหญ้า และเนินเขา มองเห็นทัศนียภาพสวยงามกว้างไกล วันฟ้าใสๆ ก็เห็นไปไกลถึงภูทับเบิก แต่ในวันที่ฟ้ามีแต่หมอก ก็จะเห็นแต่เพียงม่านหมอกสีขาวอยู่เพียงเบื้องหน้าเท่านั้น
ส่วนสุดท้ายที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือทัศนียภาพรอบๆ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ซึ่งหากได้มายืนชมวิวบนองค์เจดีย์ ก็จะเห็นกับตาตัวเองอยู่แล้วว่า รอบๆ นั้นสวยงามเพียงใด เนื่องจากเป็นวัดที่ตั้่งบนสันเขา ทำให้เห็นความงามทางธรรมชาติได้ทั้ง 360 องศา ด้านหน้าเป็นวิวของหมู่บ้านทางแดง ซึ่งมีบ้านชาวบ้านปลูกสร้างไล่เรียงไปตามเส้นทางของหุบเขา เป็นทางยาวไปจนถึงถนนใหญ่ เมื่อเงยหน้าขึ้นสูงหน่อย ก็พบกับเนินเขาลูกเล็ก ลูกน้อย สลับกันไปมา เงยหน้าสูงขึ้นไปอีก ก็พบกับผาซ่อนแก้ว ผาใหญ่ที่สงบเงียบมั่นคง สวยงามสุดๆในฤดูฝน เพราะเมฆหมอกจะมารวมตัวกันอยู่บริเวณนี้เกือบทั้งวัน
|
 |
ส่วนด้านหลังพระเจดีย์ เป็นหุบเขาใหญ่ เขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นหุบเขาบริเวณเดียวกับที่ได้ชมวิวจากร้าน คอฟฟี่ ฮิลล์(ร้านเดิม) รายล้อมไปด้วยยอดเขาสูงใหญ่ กับสีเขียวของป่าไม้ที่มีการรณรงค์ให้อนุรักษ์ เพื่อรักษาต้นน้ำ และเพื่อเป็นแนวป้องกันการเกิดดินถล่มลงไปยังชุมชนเชิงเขา |
 |
เนื่องจากที่นี่เป็นเขตวัด และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมชั้นเยี่ยม การเข้าชมสถานที่จึงต้องปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม และให้เกียรติสถานที่ด้วย โดยหากเป็นสุภาพสตรี ไม่ควรสวมกางเกงขาสั้น และไม่ควรส่งเสียงดัง อึกทึกในระหว่างเข้าชม เนื่องจากอาจมีบางคณะที่กำลังปฏิบัติธรรมอยู่
ภายในบริเวณวัดมีป้ายเตือนไว้หลายจุด ให้ผู้เยี่ยมชมงดใช้เสียง จึงควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่
ฤดูที่เหมาะที่สุดสำหรับการชม และทำบุญที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว คือฤดูฝน โดยเฉพาะในวันสำคัญทางพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นฤดูที่มีหมอกสวยงามมากที่สุดในบริเวณผาซ่อนแก้ว และทำให้บริเวณวัดเต็มไปด้วยหมอกสีขาว บางวันมีทะเลหมอกสวยงาม ราวกับอยู่บนสวรรค์ ส่วนในฤดูหนาว จะเป็นฤดูที่อากาศเย็นสบายปลอดโปร่ง แต่จะมีหมอกน้อยกว่าในฤดูฝน
|
 |
 |




|
|